วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

มารู้จักตลาดการเงินในประเทศไทย

1.SET ( Secure Electronic Transaction) คือ เป็นระบบสำหรับทำให้มั่นใจ ถึงความปลอดภัยของ ทรานแซคชันทางการเงินบนอินเตอร์เน็ต ซึ่งได้รับการสนับสนุนเริ่มต้นโดย MasterCard, Visa, Microsoft, Netscape และ อื่น ๆ ด้วย SET ผู้ใช้จะได้รับ electronic wallet และทรานแซคชันที่นำ และตรวจสอบโดยการใช้ส่วนประกอบของ digital certificate และ digital signature ในระหว่างผู้ซื้อ ผู้ขาย และ ธนาคารของผู้ซื้อ ในวิธีที่ทำให้มั่นใจว่า มีความเป็นส่วนบุคคลและมั่นใจได้ SET

2.MAI(Market for Alternative Investment ) คือ เป็นตลาดหลักทรัพย์แห่งที่สองของประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2542 และเปิดทำการซื้อขายวันแรกเมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2544 มีจุดประสงค์การทำงานโดยทั่วไป เหมือนกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) คือ ทำหน้าที่เป็นตลาดทุน เพื่อให้กิจการต่างๆ สามารถระดมเงินทุนเพิ่มเติมจากสาธารณะได้ แต่ตลาดใหม่นี้ จะเน้นไปที่กิจการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี - SME) และกิจการเกี่ยวกับนวัตกรรม โดยได้ผ่อนผันหลักเกณฑ์ต่างๆ ลง เช่น ทุนชำระแล้วขั้นต่ำของหลักทรัพย์ในตลาดหลัก คือ 200 ล้านบาท ในขณะที่ขั้นต่ำของตลาดใหม่ ลดลงเป็น 40 ล้านบาท เป็นต้น เพื่อเปิดโอกาสให้กิจการขนาดเล็ก ที่ไม่สามารถเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ ได้มีหนทางในการระดมทุน รวมทั้งสนับสนุนอุตสาหกรรมการร่วมลงทุน (venture capital) เพื่อเพิ่มจำนวนบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์


3.BEX   ตลาดตราสารหนี้หรือ Bond Electronic Exchange  จัดตั้งโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดซื้อขาย ตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2546 โดยให้บริการผ่านระบบซื้อขายแบบเรียลไทม์ มีข้อมูลที่โปร่งใส ตลอดจนถึงกระบวนการส่งมอบและชำระราคาที่เชื่อถือได้ โดยนักลงทุนสามารถติดต่อซื้อขายผ่านโบรกเกอร์ หรือบริษัทนายหน้าค้าหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์


4.AFET คือ เป็นศูนย์กลางในการซื้อขาย Futures ที่อ้างอิงมูลค่าจากราคาสินค้าเกษตรประเภทต่างๆ ได้แก่ ยางพารา ข้าว และมันสำปะหลัง ซึ่งนอกจากนักลงทุนจะเข้ามาแสวงหาผลกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาสินค้าแล้ว การลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าด้านสินค้าเกษตรในตลาด AFET ยังเป็นเพียงช่องทางเดียวที่นักลงทุนในประเทศจะสามารถลงทุนในสินทรัพย์ Commodities ได้ โดยไม่ต้องทำธุรกิจค้าขายในสินค้านั้นๆ ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจค้าขายสินค้าเกษตรก็สามารถเข้ามาใช้ Futures เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาสินค้านั้นๆ ได้อีกด้วย  ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) นับเป็นทางเลือกใหม่สำหรับนักลงทุนที่สนใจจะลงทุนใน Commodities ซึ่งในสัปดาห์หน้าเราจะมาพูดคุยเพิ่มเติม เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้เข้าใจเกี่ยวกับตลาดนี้มากยิ่งขึ้นครับ


5.TFEX  หรือ บริษัทตลาดอนุพันธ์(ประเทศไทย)จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อดำเนินการเป็นศูนย์ซื้อ-ขาย สัญญาชื้อขายล่วงหน้า ตามพระราชบัญญัติสัญญาชื้อขายล่วงหน้า พ.ศ.2546 โดยเริ่มซื้อขายวันที่ 28 เมษายน 2549 เป็นวันแรก

      สินค้าที่ซื้อขายใน Tfex ตามพรบ.สัญญาซื้อขายล่วงหน้า พศ.2546 สินค้าที่สามารถซื้อขายใน บมจ.ตลาดอนุพันธ์ ได้คือ
1. ฟิวเจอร์ (Futures) 
2. ออปชั่น (Option) 
3. ออปชั่นบนสัญญาฟิวเจอร์ ( Options on Futures)
ของสินทรัพย์อ้างอิงประเภทต่างๆ ได้แก่
- อ้างอิงกับตราสารทุน ได้แก่ ดัชนีราคาหลักทรัพย์ หลักทรัพย์
- อ้างอิงตราสารหนี้ ได้แก่ พันธบัตร อัตราดอกเบี้ย
- อ้างอิงกับราคา หรือราคาอื่นๆ ได้แก่ ทองคำ น้ำมัน อัตราแลกเปลี่ยน

6.RMF คือ มีวัตถุประสงค์ให้ผู้ลงทุนออมเงินระยะยาวเพื่อเก็บไว้ใช้ในยามเกษียณโดยมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นสิ่งดึงดูด ดังนั้น การขายคืนหน่วยลงทุนจึงทำได้เมื่อผู้ลงทุนอายุ 55 ปีบริบูรณ์เป็นต้นไป ทำให้หลายคนรู้สึกว่า ถ้าลงทุนตอนอายุยังไม่มาก จะต้องลงทุนต่อเนื่องยาวนานหลายปี และคิดว่ากองทุนรวม RMF คือกองทุนที่เหมาะกับคนที่ใกล้เกษียณ


7.LTF คือ 

เป็นกองทุนรวมประเภทหนึ่ง ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมการลงทุนในตลาดหุ้นระยะยาว โดยผู้ลงทุนจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากร


8.ETF 
 คือ กองทุนเปิดดัชนีที่จดทะเบียน และซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เปรียบเสมือนเป็นหุ้นตัวหนึ่ง ซึ่งมีนโยบายการลงทุนโดยมุ่งเน้นให้ได้อัตราผลตอบแทนเทียบเท่าดัชนีที่ใช้อ้างอิง โดยดัชนีที่ใช้อ้างอิงของ Equity ETF แรกของไทย คือ SET 50 Index ซึ่งการที่ Equity ETF มีการลงทุนในหุ้นที่เป็นองค์ประกอบใน SET50 Index จะทำให้ผู้ลงทุนสามารถกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนได้โดยการลงทุนหน่วยลงทุน Equity ETF